12 ตุลาคม 2554

29. กัปตันชลิสา

     มีใครเคยอยากเป็นนักบินบ้างรึเปล่า
     หรืออยากเป็นแฟนกับนักบิน
     อาชีพนักบินน่าจะเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆ คน ฉันรู้สึกชื่นชมกับอาชีนักบิน
พอสมควรเพราะอย่างแรกดูเท่ห์ดี ได้บินเหมือนนกลอยไปกับเมฆบนฟ้า รายได้ก็เป็นกอบ
เป็นกำแถมได้เที่ยวไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีก ในชีวิตฉันรู้จักกับนักบินตัวเป็นๆ ก็มีพี่เขย
พี่ตุ๊กนี่แหล่ะ กัปตันอ๋อเป็นนักบินมาหลายสิบปีแล้ว ประสบการณ์การบินนั้นคงเรียกได้ว่าปิดตาบินได้ เป็นความใฝ่ฝันของฉันหนึ่งอย่างที่จะได้เข้าไปนั่งในห้องกัปตัน ได้เห็นวิวท้องฟ้า
อันกว้างไกล เห็นการทำงานของกัปตันว่าขับเครื่องบินมันจะยากกว่าขับรถแค่ไหน
     ความฝันนั้นไม่ไกลเกินเอื้อมเพราะเราได้จัดแจงจองตั๋วเที่ยวบินเดียวกับที่กัปตันอ๋อจะบินกลับจากโตเกียว ไม่มีเรื่องของความบังเอิญ ทั้งหมดคือความตั้งใจและการวางแผนอย่างดี
     ขากลับกรุงเทพนั้นจะใช้เวลาบินถึง 7 ชั่วโมง นานกว่าขาไปมาก เพราะต้องบินสวนทางกับลมในช่วงฤดูหนาว และแล้วเวลาที่ฉันรอคอยก็มาถึง สจ๊วตหนุ่มน้อยเดินมาหาฉันและบอกว่าช่วงนี้สามารถเข้าไปพบกับกัปตันอ๋อได้แล้ว เพราะนำเครื่องขึ้นเรียบร้อย อากาศปกติดี สามารถปรับให้เป็นการขับเครื่องด้วยระบบอัตโนมัติได้แล้ว ฉันเดินตามหนุ่มน้อยไปถึง
หน้าห้องกัปตัน ไม่ใช่ว่าจะเข้ากันได้ง่ายๆ ต้องขออนุญาตกัปตันให้เปิดประตูให้หรือกดระหัสลับเพื่อเปิดประตู ไม่งั้นผู้ร้ายก็เข้าถึงตัวกัปตันได้ง่ายๆ น่ะสิ บรรยากาศภายในห้องกัปตันนั้นเต็มไปด้วยเครื่องมือบังคับการบิน กัปตันอ๋อนั่งทางด้านซ้ายมือ ส่วนกัปตันผู้ช่วย
นั่งด้านขวา ทั้งสองยิ้มแย้มต้อนรับเรา มีเก้าอี้ด้านหลังอีกสองที่สำหรับผู้ช่วย ซึ่งปกติในห้องนั้นจะมี 3 คน กัปตัน และผู้ช่วยอีกสอง เก้าอี้ที่เรานั่งไม่ได้สบายเหมือนเก้าอี้ผู้โดยสาร ขนาดก็เล็ก เอนไม่ได้ แถมเข็มขัดนิรภัยยังมีสายระโยงระยางรัดตั้งแต่เป้าจนถึงตัว ดูแล้วเหมือนเก้าอี้รถแข่งมากกว่า ครั้งแรกของการเข้ามาดูวิวในห้องกัปตันน่าตื่นเต้นสำหรับฉันมาก ด้านหน้าเครื่องบินนั้นเป็นกระจกรอบด้านทำให้แสงแดดสาดส่องเข้ามาอย่างแรง จึงต้องมีแผ่นฟิล์มแปะอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านข้างของนักบินทั้งสอง แว่นกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ สำหรับกัปตัน ห้องค่อนข้างอบอ้าวเพราะแรงแสงแดด จะว่าไปแล้วไม่ใช่ห้องที่สบายเลยซักนิด กัปตันอ๋อและผู้ช่วยมือหนึ่งสามารถคุยกับเราได้อย่างสนุกสนานเพราะอากาศค่อนข้างดีและเครื่องบินกำลังบินอยู่ในระดับสูง ไม่ต้องปรับปุ่มอะไรมากในตอนนั้น ฉันก็ถามปัญหาอะไรติงต๊องไปเรื่อย เช่นว่า ในห้องนักบินมีปืนมั้ย เผื่อว่าผู้ร้ายบุกเข้ามาปล้นเหมือนในหนัง พี่อ๋อบอกว่าไม่มี มีแต่ขวาน อืมม์ งั้นกัปตันคงต้องมีทักษะในการจาม (ขวาน) ค่อนข้างดีสินะ ฉันได้เรียนรู้ว่าในเครื่องบินแต่ละลำคนที่ใหญ่ที่สุด มีอำนาจมากที่สุดก็คือกัปตัน กัปตันสามารถสั่งเป็นสั่งตายได้ เพราะฉะนั้นคุณจะมีเรื่องกับใครก็ได้แต่ต้องเว้นกัปตัน นั่งดูอยู่ซักครู่ฉันก็ขอตัวออกไปเพราะเกรงใจ เดี๋ยวจะรบกวนการทำงาน พี่อ๋อใจดีบอกให้กลับมาอีกครั้งตอนที่เครื่องจะลง ซึ่งทำให้ฉันตั้งตารอเวลานั้นมากๆ ตลอดเวลาที่กลับไปนั่งยังห้องโดยสาร 
     และแล้วเวลาสำคัญก็มาถึง สจ๊วตหนุ่มน้อยคนเดิมพาฉันกลับเข้าห้องกัปตันก่อนเวลา
เครื่องลงประมาณครึ่งชั่วโมง ฉันกลับเข้าไปนั่งอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง คราวนี้มีผู้ช่วยนักบิน
อีกคนมานั่งด้วยคอยจดรายละเอียดต่างๆ ถึงตอนจะลงนั้นทั้งนักบินและผู้ช่วยไม่มีเวลาคุยกับฉันเท่าไหร่เพราะต้องคอยปรับปุ่มโน้นปุ่มนี้ แถมยังต้องคอยพูดติดต่อกับหอการบินสุวรรณภูมิตลอดเวลา พี่อ๋อชี้ให้ฉันดูหน้าจอที่บ่งบอกถึงความสูงของเครื่องบินที่ค่อยๆ ลดระดับลงเรื่อยๆ จากหลายๆ หมื่นฟุต ในขณะเดียวกันก็มีเครื่องบินอีกมากมายรายล้อมรอบตัวเรา โห เหมือนเวลาเห็นในหนังที่มีเครื่องบินคู่ต่อสู้ไล่มาติดๆ เลย เราสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
ถ้าเครื่องนั้นๆ อยู่ในระดับความสูงใกล้กับเรา แต่ลำอื่นๆ เห็นผ่านเรด้าในจอเท่านั้น เครื่องบินกำลังลดเพดานบินลงเรื่อยๆ เสียงโต้ตอบระหว่างนักบินกับหอบังคับการเร่ิมถี่ขึ้น เราได้ยินเสียงของนักบินลำอื่นๆ ที่จะลงก่อนและหลังเรา ฉันถามพี่อ๋อว่าการเอาเครื่องลงนั้นสามารถทำได้ถี่แค่ไหน คำตอบก็คือไม่ถึงนาที โอ้โห เครื่องสามารถจี้ตูดกันลงได้บ่อยขนาดนั้น
เลยเหรอไม่ยักรู้ เอ แล้วกัปตันจะรู้สึกเสียวหลังมั่งมั้ยนะ อ้าว ก็เวลามีคนขับรถจี้ตูดเรา เรายังเสียวว่าเขาจะมาชนเลยนี่ ฉันถามนักบินผู้ช่วยว่าสุวรรณภูมินำเครื่องลงจอดยากมั้ย เขาบอกว่าไม่ยาก และทุกครั้งที่ลงให้ความรู้สึกเหมือนกลับบ้าน ส่วนสนามบินที่ติดอันดับการลงยากสุดๆ นั้นทุกคนยังลงความเห็นว่าเป็นที่กาฐมาณฑุ เค้าเรียกว่าสนามบินปราบเซียน ได้ความรู้เพ่ิมเติมอีกว่าสนามบินในประเทศที่เจริญแล้วนั้นเค้าจะปิดทำการในช่วงกลางคืน เพราะถ้ามีเครื่องลงจะทำให้เกิดมลภาวะทางเสียงกับคนที่อยู่ที่นั่น อย่างที่ญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน คงไม่ต้องเดากันหรอกนะว่าสุวรรณภูมิเปิดให้บริการตลอดวันตลอดคืนรึเปล่า แล้วถ้าเครื่องเกิดดีเลย์แล้วจำเป็นต้องลงตอนกลางคืนหลังสนามบินปิดทำการล่ะก็จะต้องเสียค่าปรับมากมายเลยทีเดียว


     และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง ฉันนั่งเพ่งอย่างใจจดจ่อตอนที่เครื่องกำลังลง 5, 4, 3, 2, 1 ล้อแตะพื้นแล้วลงได้นุ่มมาก เครื่องค่อยๆ แล่นไปตามรันเวย์ และเข้าไปจอดเทียบงวงช้างอย่างช้าๆ ถนัดถนี่ ฉันต้องนั่งรอจนผู้โดยสารลงจนหมดเครื่องก่อนจึงสามารถกลับออกไป
ด้านนอกได้
     การได้ร่วมนำเครื่องลงจอด (ว่าไปนั่น) นับเป็นประสบการณ์เหนือความคาดหมาย จะว่า
ตื่นเต้นก็พอตัวจะว่าตื่นกลัวก็มีบ้าง เพราะการที่เราได้เห็นอะไรจะจะอยู่ตรงหน้านั้นก็สามารถสร้างจินตภาพและนำความเสียวมาได้ แต่ที่แน่ๆ นั้นทำให้ความคิดเกี่ยวกับอาชีพกัปตัน
ของฉันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก่อนนั้นฉันรู้สึกว่าเป็นอาชีพที่เท่ห์อย่าบอกใคร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆ ไม่ใช่ทุกคนก็เป็นได้เพราะกว่าจะฟันฝ่าบททดสอบต่างๆ ให้ผ่านนั้นไม่ใช่
เรื่องง่าย แถมยังต้องไปฝึกอีกนานกว่าจะได้เป็นกัปตันตัวจริง แต่บางทีก็แอบคิดไปว่ามันก็
น่าจะเหมือนขับรถนั่นแหล่ะ แต่ไปขับอยู่บนฟ้า ไม่มีเครื่องบินติด ไม่มีไฟแดง สบายจะตาย แถมได้ตังค์เยอะอีก แต่พอได้มาสัมผัสการทำงานอย่างใกล้ชิดนั้นกลับรู้สึกว่าการจะเป็นกัปตันได้นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่พอได้เป็นแล้วนั้นสิเป็นอะไรที่ยากมากกว่า เพราะคุณต้องรับผิดชอบมากมายก่ายกอง ไหนจะเรื่องการบังคับเครื่องบิน ทุกๆ ครั้งแม้จะเป็นเส้นทางเดิมก็ใช่ว่าจะขับแบบเดิมๆ ได้ ไหนจะฟ้าฝน ฤดูกาลที่เปลี่ยนไป เพื่อนร่วมน่านฟ้าที่ต่างชาติต่างภาษา การทำงานที่แตกต่างไปในแต่ละประเทศที่เดินทางไปทำให้ต้องปรับตัวปรับสภาพไปตามสภาวะแวดล้อมทุกครั้งไป ห้องทำงานก็ใช่ว่าจะนั่งสบายเหมือนห้องผู้บริหาร ทั้งแคบทั้งร้อน
อีกต่างหาก ฉันว่ากัปตันต้องมีความอดทนสูงมาก สมาธิก็สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นวินัยและ
การใช้ชีวิตก็ต้องมีระเบียบ เพราะคุณต้องรับผิดชอบชีวิตคนทีละหลายๆ ร้อยคน ในทุกๆ วัน 
ไอ้ความเท่ห์นี่ก็ยังมีอยู่ แต่ความรับผิดชอบมาพร้อมอำนาจอย่างที่สไปเดอร์แมนเขาพูดไว้จริงๆ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น