09 ตุลาคม 2554

26. คิดให้ล้ำ

     วันสุดท้ายเราทำกิจกรรมที่เบาหน่อยนั่นก็คือไปเที่ยวเล่นย่านรอปปงหงิ (Roppongi) 
ซึ่งเป็นย่านเมืองใหม่ของโตเกียว แถบนี้เป็นแหล่งรวมของหลายๆ ส่ิง ออฟฟิส สถานฑูต พิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหารและบาร์ ต้องขอบคุณโครงการใหญ่สองแห่งที่ทำให้
รอปปงหงิกลายเป็นแหล่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวนั่นก็คือ รอปปงหงิฮิลล์ (Roppongi Hills) 
และโตเกียวมิดทาวน์ (Tokyo MidTown) ซึ่งเปลี่ยนโฉมรอปปงหงิจากย่านท่องเที่ยว
กลางคืนให้กลายเป็นศูนย์รวมของศิลปะและแฟชั่น
     รอปปงหงิฮิลล์ เพ่ิงสร้างเสร็จเมื่อปีค.ศ. 2003 มีตึกโมริที่สูงถึง 238 เมตร สูงเสียดฟ้า
เห็นแต่ไกล ที่นี่เป็นแหล่งรวมของทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ออฟฟิส รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์โมริ (Mori Art Museum) ที่อยู่ชั้นบนสุด ที่แสดงงานศิลปะร่วมสมัยซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาแสดงกันตลอดทั้งปีและจุดชมวิวเมืองโตเกียวจากชั้นบนสุดของตึก นอกจากนี้บนถนนสายเคยากิ ซากะ โดริ (Keyaki-zaka Dori) ยังมีงานศิลปะในชีวิตประจำวันที่สร้างโดยศิลปินชั้นนำนั่นก็คือม้านั่ง 11 ตัวที่ตั้งไว้ตลอดริมทางและอีก 1 ป้ายรถเมล์ 
ดูรายละเอียดเพ่ิมเติมเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ได้จาก http://www.mori.art.museum บริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของตึกสถานีโทรทัศน์อาซาฮี (TVAsahi) และสร้างสมดุลด้วยสวนโมริสไตล์ญี่ปุ่นเพื่อลดทอนความแข็งกระด้างของตึกสูง นับเป็นโอเอซิสในเมืองใหญ่
     เดินถัดจากรอปปงหงิฮิลล์ไปไม่ไกลนักก็จะเจอ โตเกียวมิดทาวน์ (Tokyo Midtown) ซึ่งเป็นตึกสูงในลักษณะเดียวกับรอปปงหงิฮิลล์ เพ่ิงเปิดตัวไปเมื่อปีค.ศ. 2007 และสูงกว่านิดนึงคือ 248 เมตร ในตัวตึกก็รวบรวมร้านค้า ออฟฟิส ร้านอาหาร โรงแรม และพิพิธภัณฑ์เช่นเดียวกัน แต่ที่นี่ดูเหมือนจะคุมโทนของทุกส่ิงอย่างไว้ได้อย่างดี สีโดยรวมของตึกนั้นจะเป็นสีน้ำตาล
และเงินไม่ว่าจะเป็นร้านอะไรก็ตามแม้แต่ 7 Eleven ยังไม่มีสีส้มเขียวซึ่งเป็นสีโลโก้ของเขาเลย ตัวตึกนั้นเน้นความโปร่งใสมีโครงสร้างเป็นกระจกซะมาก ทำให้รู้สึกไม่อึดอัดเมื่อยู่ในตึกสูงขนาดนั้น แถมด้านนอกยังมีพื้นที่แบ่งให้สวนอย่างใหญ่มาก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ถ้าใครจะมาเที่ยวก็ไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพราะกว่าร้านค้าจะเปิดก็ 11 โมง ไม่ต้องรีบ



     คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าดีไซน์และความคิดสร้างสรรค์สามารถสร้างความแตกต่างและเพิ่มค่า
ให้กับของได้เพราะถ้าจะไปพึ่งแต่ความสามารถในการผลิตคงสู้ใครเขาไม่ได้เพราะค่าครองชีพและค่าแรงที่ญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างสูง จะให้ผลิตสินค้าราคาถูกแข่งกับประเทศเพื่อนบ้านคงไม่ไหว นี่เองเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาให้ความสำคัญกับสมองของมนุษย์มากๆ ให้การสนับสนุนและมีโครงการพัฒนาศักยภาพในเรื่องงานดีไซน์ อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะมากมาย เพราะยิ่งถ้ามีงานดีไซน์ที่โดดเด่นออกมาก็จะได้รับการยอมรับจากทั่วโลก นั่นหมายถึงวัฒนธรรมที่
แพร่หลายและรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำ
     ที่โตเกียวมิดทาวน์เองก็เป็นที่ที่ให้ความสำคัญกับงานตกแต่งและดีไซน์เช่นเดียวกัน พิพิธภัณฑ์ซันโตรี (Suntory Museum of Art) เป็นที่แสดงงานศิลปะที่ปรากฏอยู่ในการใช้ชีวิตของมนุษย์ เช่น ภาพเขียนเซรามิค ผ้าทอมือ ของใช้ภายในบ้านที่ทำจากไม้ขัดเคลือบเงา ตั้งอยู่ตรงตึกข้างๆ โตเกียวมิดทาวน์ข้างๆ มีสวน
     นอกจากนี้ยังมี 21_21 Design Sight ที่เป็นที่แสดงงานดีไซนที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ชีวิตประจำวัน แค่ที่มาของชื่อก็น่าสนใจแล้ว เพราะแสดงให้เห็นถึงแนวความคิดแบบก้าวหน้า สายตาปกติของมนุษย์ที่เห็นสิ่งของได้ชัดเจนโดยไม่ต้องอาศัยแว่นตาช่วยนั้นเค้าเรียกกันว่าสายตาแบบ 20_20 คือสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในระยะ 20 ฟุต ทีนี้ผู้คิดค้นชื่อของ 21_21 Design Sight ก็คิดว่าถ้าจะให้มีสายตาและความคิดที่กว้างไกลกว่าปกติตัวเลขก็ต้องเกิน 20 แหงๆ เลยตัดสินใจใช้ 21_21 Design Sight เพื่อแสดงให้เห็นว่าที่นี่เป็นที่ที่เห็นและคิดล้ำเกินมนุษย์ปกติหรือเห็นไปถึงอนาคตนั่นเอง อืมม์ แม้แต่ชื่อยังลึกซึ้งเลย แสดงให้เห็นว่า
คนที่นี่เค้าคิดเลยกว่ามนุษย์ปกติจริงๆ 
     เราเดินต่อไปแถวๆ ย่านอาซาบุ จุบัน (Azabu Juban Shopping Town) ลงจากเนิน
รอปปงหงิมาหน่อย แถบนี้เป็นที่อยู่ของสถานฑูตมากมาย ที่พักของคนชื่อดังหลายคน มีร้านค้าเล็กๆ ขายของพื้นเมืองและต่างชาติ อาหาร ขนมญี่ปุ่น คาเฟ่ เดินแล้วก็เพลินดีเหมือนกัน
     ด้วยพลังของโปรเจคสองแห่ง รอปปงหงิฮิลล์ และโตเกียวมิดทาวน์นี้เหมือนทำศัลยกรรมตกแต่งให้ย่านรอปปงหงิเปลี่ยนโฉมไปเป็นแหล่งรวมความทันสมัยและดีไซน์ของโตเกียว 
จากที่แต่ก่อนย่านนี้จะถูกมองว่าเป็นเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่คราคร่ำไปด้วยไนท์คลับประมาณว่าสถานที่อโคจร แต่ตอนนี้เป็นที่ที่ผู้รักศิลปะและงานดีไซน์ควรจะโคจรไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น