08 ตุลาคม 2554

25. หอคอยแห่งความทรงจำ

     โตเกียวมีที่เที่ยวอีกหลายที่แต่ถ้าจะให้ใกล้ชิดคนพื้นเมืองและวิถีแบบญี่ปุ่นหน่อยก็ต้องไปที่ตลาดขายส่งปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึกิจิ (Tsukiji) พวกร้านอาหารหรือร้านขายปลาจะมา
ต่อรองซื้อพวกอาหารทะเลกว่า 450 ชนิด เค้าเร่ิมซื้อขายกันตั้งแต่ตีห้าจนถึงประมาณสิบโมงเช้าแต่แปดโมงกว่าๆ ตลาดก็เริ่มวาย แต่ก่อนเขาก็อนุญาตให้คนทั่วไปเข้าไปดูได้แต่มาหลังๆ มีนักท่องเที่ยวเข้าไปดูเป็นจำนวนมากทำให้เกิดความไม่สะดวกกับพ่อค้าแม่ค้าขายปลีกที่มาเลือกประมูลและซื้อปลา อนุญาตให้เพียงแค่กลุ่มเด็กนักเรียนที่จองมาล่วงหน้าคงเพื่อการศึกษา ไม่เป็นไรเราสามารถเดินเล่นตรงตลาดที่อยู่ด้านนอกได้ซึ่งน่าจะสนุกกว่า เพราะด้านในเราคงไม่มีโอกาสได้ซื้ออะไรกับเค้า
     ด้านหน้าทางเข้าตลาดนั้นมีศาลเจ้า นามิโยเกะ อินาริ (Namiyoke Inari Jinja) ซึ่งได้รับการบูชานับถือโดยชาวประมง และพ่อค้าแม่ค้าที่ทำการค้าขายอาหารทะเลแถวๆ นั้น ซึ่งมักจะมาสวดมนต์ขอพรให้ปลอดภัยจากคลื่นลม รวมทั้งให้มีความเจริญก้าวหน้าในการค้าขาย 
ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นหลังจากที่เขื่อนกั้นชายฝั่งถูกทำลายหลายครั้งหลายครา และครั้งหนึ่งมี
รูปปั้นเทพเจ้าองค์หนึ่งลอยมาเกยชายฝั่ง หลังจากนั้นชาวบ้านจึงเร่ิมกราบไหว้บูชาทำให้ไม่เกิดเหตุร้ายต่างๆ อีก ช่วงเดือนมิถุนายนจะมีการแห่รถแห่ที่มีรูปมังกรซึ่งมีอำนาจควบคุมเมฒ 
เสือสยบลมและสิงโตปราบทุกส่ิง
     ตรงบริเวณร้านค้าด้านนอกตลาดนั้นแทรกตัวอยู่กันตามตรอกเล็กๆ สามารถเดินดูถ่ายรูปได้อย่างสนุกสนาน มีอาหารทะเลสดๆ จัดวางให้เลือกซื้อมากมาย พวกปลาต่างๆ เราอาจจะพอคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ที่ฉันรู้สึกตื่นตาตื่นใจเห็นจะเป็นปลาหมึกยักษ์และก้ามปู มันช่างใหญ่จริงๆ ประหนึ่งว่าเราอยู่เมืองคนยักษ์ นอกจากร้านขายอาหารสดแล้ว ก็มีร้านอาหารหลากหลายประเภทเปิดให้บริการตั้งแต่ตีห้าและปิดในช่วงกลางวัน เห็นร้านขายไข่หวานชื่อดังคนต่อคิวกันยาวเหยียดคงจะอร่อยน่าดู กลิ่นน้ำซุปจากร้านบะหมี่ก็เย้ายวนใจ ซูชิก็สดน่ากิน เลือกไม่ถูก ถ้ายังไม่หิวก็เดินเล่นดูข้าวของแถวๆ นั้นก่อน พวกเครื่องใช้ในครัวเรือน จานชาม กาและถ้วยน้ำชาก็มีให้เลือก หรืออาหารของกินเล่นขนมกระจุกกระจิกกินแก้เหงา
     ถ้ายังพอมีเวลาจะไปเที่ยวที่โตเกียวทาวเวอร์อีกซักที่ก็จะได้อีกอารมณ์ ไอ้ประเทศทาวเวอร์ทั้งหลายนี่ ฉันเคยไปแต่หอไอเฟิล (La Tour Eiffel) แต่ก็ไม่เคยขึ้นไปถึงยอดซักที เค้าบอกว่าจะเห็นวิวเมืองปารีสในมุมสูงได้สวยไปอีกแบบ หอโตเกียวนั้นสร้างด้วยแรงบันดาลใจจาก
หอไอเฟิลและตอบแทนด้วยการสร้างสูงกว่าถึง 13 เมตร ทำให้เป็นหอที่สูงที่สุดในโลก (ประเภทที่ทำจากเหล็กและรองรับนำ้หนักด้วยตัวเอง) หอนี้สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่สัญญาณวิทยุโทรทัศน์ของทุกช่องเพราะถ้ายอมให้แต่ละสถานีมีเสาสัญญาณกันเองสงสัยโตเกียวคงมีแต่
เจ้าหอนี่เกลื่อนตาเต็มไปหมด แล้วการที่จะส่งสัญญาณไปไกลครอบคลุมทั้งภาคคันโตะ (Kanto) ก็ต้องสร้างให้สูงเข้าไว้ เพราะต้องส่งให้ได้ไกลถึง 150 กิโลเมตรเลยทีเดียว สำหรับ
ที่นี่ฉันเคยขึ้นไปแล้ว โชคร้ายที่วันที่ไปหิมะดันตกอากาศก็ขมุกขมัวเลยไม่เห็นวิวเมืองโตเกียวสวยสมใจอยาก จุดชมวิวมีสองที่จุดแรกที่ความสูง 145 เมตร ส่วนจุดสูงสุดคือ 250 เมตร 
หอโตเกียวนั้นสามารถมาได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเพราะปิดตั้งสี่ทุ่ม แถมตอนกลางคืนยังเปิดไฟที่ประกอบด้วยไฟดวงเล็กๆ มากมายในหน้าร้อนจะใช้ไฟสีขาวส่วนหน้าหนาวเปลี่ยนเป็นไฟสีส้มเพื่อให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น บางทีไฟก็จะเปลี่ยนสีไปตามเทศกาลหรืองานสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นที่โตเกียว เช่นตอนที่ฟุตบอลโลกไปจัดที่ญี่ปุ่นในปี 2002 ไฟก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้า ตอนที่เขารณรงค์เกี่ยวกับการรับรู้เรื่องมะเร็งเต้านมไฟที่หอโตเกียวก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู
     นอกจากจะสามารถมาดูวิวเมืองโตเกียวด้านบนหอโตเกียวได้แล้วยังสามารถเที่ยวชม
กิจกรรมอื่นๆ ที่มีเตรียมไว้ที่นี่ได้อีกหลายอย่าง เรียกว่ามาเที่ยวได้ทั้งครอบครัวเพราะใน 4 ชั้นแรกของหอนั้นอัดแน่นไปด้วยส่ิงน่าสนใจอหลายอย่าง เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์
หุ่นขี้ผึ้ง พิพิธภัณฑ์กินเนสแห่งโตเกียวที่รวบรวมสุดยอดส่ิงที่ได้รับการจดบันทึกไว้ว่ามีสถิติสูงสุดในด้านต่างๆ สวนสนุกและร้านอาหารหลายร้าน
     หอโตเกียวคงมีความสำคัญสำหรับคนญี่ปุ่นบางคนมากไปกว่าการเป็นหอใช้ส่งคลื่นวิทยุโทรทัศน์เพราะหอนี้ถูกสร้างตอนช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้และเสียหาย
ยับเยิน หอนี้จึงเหมือนเป็นสัญญลักษณ์สำหรับการเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่ๆที่จะก้าวเข้ามา ไม่รู้ว่ามีใครเคยดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง “โตเกียวทาวเวอร์” ที่เพ่ิงออกฉายเมื่อปี ค.ศ.​2007 รึเปล่า เป็นหนังดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว คงมีน้อยคนที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้เมื่อเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มกับแม่ที่กำลังจะตายด้วยโรคมะเร็ง และความหวังสุดท้ายของเธอคือได้ขึ้นไปบนหอโตเกียวซักครั้งในชีวิต ไม่เฉลยแล้วกันว่าเธอได้ไปรึเปล่า อยากให้ไปหาดูกันเอาเอง
     เมื่อฉันได้ดูหนังเรื่องนั้นแล้วความรู้สึกที่เฉยๆ กับหอโตเกียวกลับเปลี่ยนไป บางทีสถานที่บางที่ก็เป็นมากกว่าอนุสาวรีย์หรือที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศเพราะอาจเป็นที่ที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกดีๆ บางอย่าง ซ่อนความทรงจำดีๆ ที่ไม่มีใครล่วงรู้ หรือเป็นความหวังสุดท้ายในชีวิต เพราะงั้นเหล็กที่เราว่าแข็งทื่อสูงเสียดฟ้านั้นอาจกลับกลายเป็นดอกกุหลาบสวยที่เต็มไปด้วยความหลังและความหวังของใครบางคนก็ได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น