03 พฤษภาคม 2554

12. ทัวร์วัดเยี่ยมญาติ

     วันนี้ต้องเรียกว่าเป็นวันทัวร์วัด ใครเชื่อว่าไหว้พระเก้าวัดแล้วจะโชคดีเป็นสิริมงคล สำหรับทริปนี้ของฉันคงได้ความโชคดีหลายเท่า ความจริงฉันไม่เกี่ยงหรอกเรื่องไปวัดไปวากลับชอบซะอีก เพราะได้เห็นพิธีกรรมอะไรแปลกๆ รวมทั้งความศรัทธาของคน แต่ที่ลำบากใจก็คือวัดมีเยอะมากและที่สำคัญหน้าตาคล้ายๆ กันหมดอีกทั้งชื่อก็เรียกยาก ทำให้สมองตื้อๆ ของฉันไม่สามารถจดจำรายละเอียดได้หมดครบถ้วนอย่างที่ใจอยากน่ะสิ
     วัดแรกที่ไปเป็นวัดเล็กๆ ที่บูชาพระพิฒเณศ เป็นวัดของเขต ตอนที่เราไป (ค่อนข้างเช้าหน่อย) ก็มีคนมากราบไหว้บูชาพอสมควรและมีคณะนักร้องสวดมนต์ร้องเพลงอยู่บริเวณลานใกล้ๆ เราไปเดินดูวัดอีกหลายที่แต่ที่ที่ฉันสนใจเป็นพิเศษคือวัด “ชอร์ปัต กาเนดิโอ” (Chorpat Ganedeo) เพราะมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก สังเกตจากคานที่ค้ำหลังคานั้นถูกสลักด้วยรูปที่มีสีสันสวยงามมีทั้งรูปเทพเจ้าทั้งรูปกามสูตรเป็นวัดสำคัญสำหรับคนขี้ลืมหรือคนโชคร้าย เพราะเป็นวัดที่บูชาพระพิฒเนศที่เน้นเรื่องของหายโดยเฉพาะเจาะจงไปที่กุญแจ เพราะงั้นถ้าใครกุญแจหายหรือของอย่างอื่นหายก็ต้องมาขอให้ท่านช่วยนำมาคืนให้ เผอิญว่าฉันไม่ได้ทำอะไรหายแม้แต่ใจตัวเองก็ตามเลยไม่ได้ขออะไรท่านเพียงแค่ทำความเคารพ




     เมื่อไหว้พระครบหลายวัดแล้วพี่ธันวาพาไปดูบ้านดินแบบโบราณซึ่งเป็นบ้านคุณลุงของพี่เขา บ้านนี้คุณลุงอยู่กับหลานสาว เราจึงได้ทานอาหารเช้าที่นี่เป็นโรตีม้วนไส้ขนมคล้ายปาท่องโก๋แบบแข็งและมีรสหวานจัด ทานกับชานมเนปาลอร่อยอุ่นท้อง พี่ตุ๊กชอบอกชอบใจอาหารเช้ามื้อนี้มาก แต่เนื่องจากฉันเป็นคนค่อนข้างเคร่งครัดกับการรักษาสุขภาพและเลือกทาน การทานแป้งและน้ำตาลขนาดนี้แต่เช้าย่อมไม่ดีต่อสุขภาพแน่ๆ จึงทานไปเพียงแค่ครึ่งเดียว เรานั่งซักพักแล้วพี่ธันวาก็พาไปดูห้องครัวซึ่งอยู่ด้านบน เป็นครัวแบบโบราณที่มีเตาไฟทำจากดิน ที่นี่เราได้เห็นกระทะทอดไข่ดาวด้วย เป็นเบ้าเล็กๆ พอดีขนาดไข่หนึ่งใบและมีด้ามขนาดยาว เอ…ถ้าทอดไข่เจียวหลายๆใบทำไงเนี่ย
     พี่ธันวานั่งคุยกับคุณลุงและหลานสาวทั้งสองอยู่พักหนึ่ง ได้ประโยชน์ในการพาเรามาดูบ้านดินโบราณ ดูวิถีชีวิตชาวพื้นเมืองและพี่ธันวาเองก็ถือโอกาสเยี่ยมญาติด้วยเพราะพี่เขาก็ไม่ได้กลับมาบ้านนานแล้ว วันนี้นอกจากทัวร์วัดแล้วยังได้ไปทัวร์เยี่ยมญาติ (พี่ธันวา) อีกด้วย
     เราแวะชมวัดตามทางและบ้านที่สองที่ไปนั้นเป็นคุณน้า บ้านนี้หลังใหญ่ค่อนข้างทันสมัยและเป็นครอบครัวใหญ่ ลูกสาวคุณน้าต่างกุลีกุจอไปหาอาหารเช้ามาให้เราทาน ซึ่งคราวนี้เป็นไข่ดาวกับชานมซึ่งเราไม่ได้ทานเพราะยังอ่ิมกับโรตีสอดไส้ปาท่องโก๋อยู่ คุณน้านั้นนั่งดูหน้าฉันแล้วก็พูดอะไรบางอย่างกับพี่ธันวา ปรากฏว่าเธอบอกว่าฉันหน้าตาเหมือนคนเนปาลมาก แล้วก็พูดย้ำอยู่อย่างนั้น ฉันได้แต่ยิ้มแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่เพราะมีคนเคยบอกหลายทีแล้ว ความจริงเหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดกับฉันบ่อยๆ ไปไหนก็ชอบมีคนนึกว่าเป็นคนท้องถิ่นที่นั่น สงสัยหน้าตาฉันคงสามารถปรับได้ตามสภาพแวดล้อมล่ะมังคล้ายๆ จ้ิงจก
     หลังจากนั้นพี่ธันวาก็พาไปบ้านญาติอีกคน คราวนี้เป็นคุณป้าหน้าคมเข้มกำลังเลี้ยงหลานตัวเล็กอยู่ ลูกของเธอก็จะไปจัดหาอาหารเช้าให้เรา ฉันเลยต้องบอกพี่ธันวาไปว่าทานไม่ไหวแล้ว อย่าทำมาให้เลยเพราะจะเสียของเปล่าๆ ต้องบอกกันอยู่นานทีเดียวเขาถึงจะยอม นี่ล่ะนิสัยคนเนปาล แขกมาถึงที่ต้องต้อนรับอย่างเต็มที่ เรื่องกินเรื่องใหญ่ อาจจะคล้ายๆ กับคนไทย แต่เราจะไม่คะยั้นคะยอเท่าเขา



     หลังจากออกจากบ้านคุณน้า พี่ธันวาพาเราไปดูเจดีย์ที่คุณพ่อพี่เขาสร้างไว้ให้ตั้งแต่ยังอายุน้อย การสร้างเจดีย์นั้นถือเป็นบุญกุศลใหญ่ ถ้าใครมีความสามารถพอจะสร้างได้ก็มักจะสร้างกันแล้วก็สลักชื่อตัวเองไว้ หลังจากนั้นเราก็แวะไปวัดอีกหลายที่ก่อนที่จะไปดูเจดีย์อโศกอีกองค์หนึ่ง ระหว่างทางนั้นเราเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุอานามน่่าจะซัก 9 ขวบ เธอกำลังใช้ผงติกะเจิมที่เจดีย์โดยรอบทั้งสี่ทิศไม่รู้ว่าเป็นเจดีย์ของเธอเองรึเปล่า ดูแล้วก็น่ารักน่าเอ็นดู มีศรัทธาในศาสนาตั้งแต่ยังเด็กทีเดียว
     วัดต่อไปที่ค่อนข้างน่าสนใจก็คือวัด “จากัต นารายัณ” (Jagat narayan Temple) เป็นวัดที่สักการะพระวิษณุ อยู่ใกล้ๆ แม่น้ำบัคมาติ จุดเด่นของวัดก็คือมีรูปปั้นของพระพิฒเนศ หนุมาน และครุฑ ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก ที่สำคัญสลักจากหินเพียงก้อนเดียว สวยงามและดูขลังมาก เชื่อกันว่าข้่างใต้วัดนั้นมีสมบัติถูกฝังไว้มากมายตั้งแต่ครั้งโบราณ



     หลังจากนั้นพี่ธันวาขอแวะไปเยี่ยมคุณพ่อที่บวชอยู่และมาปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม “ดายัน เคนดรา (Dhyan Kendra) หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ศูนย์ปฏิบัติสมาธินานาชาติ” (International Meditation Centre) ซึ่งคุณพ่อเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการช่วยสร้าง ภายในบริเวณนั้นมีพระพุทธรูปปางยืนสวยงามมาก ซึ่งถูกค้นพบโดยการขุดดินเพื่อสร้างที่นี่เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว จึงเชื่อกันว่าเมื่อครั้งโบราณที่ตรงนี้น่าจะเป็นวัดพุทธ บรรยากาศรอบๆ ร่มรื่นและเงียบสงบเหมาะกับการทำสมาธิปฏิบัติธรรมอย่างมาก ในตอนที่เราไปถึงนั้นพระที่บวชทั้งหมดกำลังฝึกสมาธิกันอยู่จึงห้ามรบกวน เราจึงไปนั่งคุยกับชีนางหนึ่งในห้องรับรองเพื่อรอเวลา พักหนึ่งผ่านไปพระบวชใหม่ทั้งหลายเริ่มที่จะออกมาฝึกเดินจงกรมกัน เรามองหาคุณพ่อเพื่อที่จะเข้าไปพูดคุยกับท่านแต่ดูเหมือนว่าท่านจะยังทำสมาธิอยู่จึงยังไม่ออกมาด้านนอก ระหว่างนั้นฉันกับพี่ตุ๊กออกไปนั่งรอด้านหน้าของสถานปฏิบัติธรรมเพราะไม่อยากรบกวนพระที่กำลังเดินจงกรมกันอยู่ เมื่อพี่ธันวาได้เห็นคุณพ่อแล้วก็สบายใจแต่ยังไม่ทันได้พูดจากันก็ต้องกลับก่อนเพราะมีธุระที่ต้องทำในช่วงบ่าย เรียกว่าไม่ได้พูดคุยแค่เห็นไกลๆ ก็อุ่นใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น