พี่ลีบอกว่าเขาออกเดินทางไปตั้งแต่ตี 4 แล้ว และดูท่าว่าจะกังวลใจจนแทบไม่ได้นอน เรานั่งนึกเป็นห่วงเขาว่าจะเดินทางโดยปลอดภัยรึเปล่า
นึกถึงการนั่งรถกว่า 8 ชั่วโมงเมื่อวานนี้แล้วยังอดเหนื่อยแทนไม่ได้ แต่เราเองก็ต้องออกเดินหน้าไปอีก
4 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน
“พี่ว่านฐจะยอมตามเราไปที่นูบราวัลเล่ย์
มั้ย” ฉันหยั่งเสียงถาม
“อันนี้ต้องแล้วแต่ว่าเขาจะหากระเป๋าเจอรึเปล่า
ถ้าเจอก็ไม่แน่ เขาอาจจะอยากตามเราไปเที่ยวก็ได้” พี่ลีแสดงความคิดเห็นในฐานะคนคุ้นเคย
ฉันไม่อยากให้นฐต้องอยู่คนเดียวนานๆ
กลัวว่าเขาจะคิดมากและหมกมุ่นกับเรื่องกระเป๋าตังค์หายและอารมณ์ขุ่นเคืองจึงบอกเขาให้ลองคิดทบทวนดูเรื่องที่จะตามเราไปเพราะคิดเอาเองว่าน่าจะเดินทางไปต่อจากทางด้านนั้นได้
เมื่อถึงเวลานัด
8 โมงครึ่ง นัมเกลก็มารออยู่ที่รถแล้วพร้อมคนขับรถคนใหม่ ตัวเล็ก ๆ แต่ชอบยิ้มแย้มแจ่มใสจนตาหยี
มีนามว่า “เซตัง” (Tsetang)
“สวัสดีนัมเกล”
“สวัสดีครับ”
“วันนี้เหลือแค่เรา
2 คน”
เขายิ้มแห้งๆ
“คุณนฐโชคร้ายมากเลย”
“ใช่
… เออ … เดี๋ยวคุณช่วยโทรถามโลตัสให้หน่อยนะว่าเค้าไปถึงไหนกันแล้ว หากระเป๋าตังค์เจอรึเปล่า”
ฉันไหว้วานเขา
“ได้ครับ”
เขาตอบ
“แล้วถ้าเกิดว่าเขาอยากไปนูบราวัลเล่ย์ต่อเนี่ย
ไปจากทางนั้นเลยได้มั้ย” ฉันถามด้วยความหวัง
“อ๋อ
ไม่ได้หรอกครับ ต้องกลับมาที่นี่ก่อน” เขาบอก
“อ้าว
ทำไมอย่างนั้นล่ะ” ฉันสงสัยเพราะเมื่อวานยังเห็นชี้ทางให้ดูอยู่เลยว่ามีทางแยกไปอีกทางหนึ่งได้หรือฉันละเมอไปเอง
“ทางนั้น
เขาไม่มีใบอนุญาตผ่านน่ะครับ ต้องกลับมาที่เลย์ก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อไป”
นั่นแปลว่าไป-กลับ
เลห์-พันกอง ใช้เวลา 8-9 ชั่วโมง ขับไปนูบราวัลเล่ย์ อีก 4 ชั่วโมง รวมเป็น 12-13 ชั่วโมง
จบข่าว มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหล่ะที่จะทำ ฉันเริ่มทำใจว่าเราจะไปเที่ยวกันแค่ 2 คน
ฉันรู้สึกแปลกๆ
ในตอนแรกเพราะยังไม่สนิทสนมคุ้นเคยกับพี่ลีดีนัก แต่คนเราก็ต้องปรับตัวให้อยู่กับความเปลี่ยนแปลงให้ได้จะได้เที่ยวอย่างมีความสุข ก็เราเหลือกันอยู่แค่ 2 คนนี่นะ
“ถ้านฐจะกลับกรุงเทพฯ
จริงๆ พี่ลีจะกลับด้วยมั้ยหรือจะอยู่ต่อ”
“ไม่กลับหรอก
อุตส่าห์ดั้นด้นมาแล้ว ไม่ใช่มากันได้ง่ายๆ นี่”
ตลอดทางที่ไปนูบราวัลเลย์ฉันชวนพี่ลีคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้เพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น
ส่วนนัมเกลวันนี้ได้นั่งสบายตรงเบาะด้านหน้าข้างคนขับรถไม่ต้องนั่งหลังงออยู่ด้านหลัง
มันอาจจะเป็นโชคชะตาของเราทั้งสองคนที่ชักพามาให้เจอกันก็ได้
เพราะไม่น่าเชื่อว่าเวลาที่ไปเที่ยวเพียงไม่กี่วันทำให้ฉันกับพี่ลีสนิทสนมจนพูดคุยเรื่องส่วนตัวของกันได้อย่างสบายใจ และนี่คงเป็นอีกส่ิงหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากการเดินทางในครั้งนี้
เรียนรู้ที่จะเปิดโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ
นัมเกลไม่ลืมสัญญาเขาพาเราไปแวะที่
Namgyal Tsemo Gompa อีกครั้ง คราวนี้เราได้เข้าไปเยี่ยมชมภายในทุกห้องที่เขาอนุญาต
ในห้องที่ธรรมปาลาประทับอยู่นั้นมีลามะรูปหนึ่งนั่งพันเชือกสำหรับใช้กับตะเกียงน้ำมันเนย
ท่านดูรู้จักชอบพอกันดีกับนัมเกล เขาคุยอะไรบางอย่างกับท่านซักพักท่านก็เร่ิมสวดมนต์ ตีฉาบและกลองไปพร้อมๆ
กัน เสียงสวดฟังดูไพเราะและสงบ เรายืนฟังอยู่ซักพักก็ลากลับออกมา
“บทสวดมนต์นี้เป็นบทสวดทั่วๆไปเหรอนัมเกล…เพราะจังนะ”
ฉันถาม
“อ๋อ
เป็นบทสวดมนต์พิเศษน่ะครับ ผมขอให้ท่านสวดให้คุณนฐหากระเป๋าตังค์เจอ” เขาตอบ
พันตรีประจักษ์นี่ก็ช่างเป็นคนที่นึกถึงคนอื่นเหมือนกันนะเนี่ย
“วัดนี้ส่วนใหญ่คนที่มาไหว้พระมักจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง
ก็จะขอให้ลามะสวดมนต์ให้พรด้วยน่ะครับ”
“วัดนี้ไงครับที่ท่านลามะที่เคยเป็นประมุขของที่นี่ตั้งชื่อให้ผมแต่ตอนนี้ท่านมรณภาพไปแล้ว”
เขาชี้รูปท่านลามะให้ดู
“ตอนนี้รูปที่มาแทนอายุเพียงแค่
5 ชันษาเองครับเชื่อกันว่าเป็นท่านกลับชาติมาเกิด”
เรื่องของการกลับชาติมาเกิดของลามะนั้นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อๆ
กันมา เมื่อรูปไหนมรณะลงก็จะทิ้งร่องรอยไว้ว่าท่านจะไปเกิดใหม่ที่ไหนเป็นใคร และเมื่อตามไปพบแล้วก็ต้องมีการทดสอบกันว่าใช่ตัวจริงรึเปล่า
เช่นการให้เลือกของใช้ส่วนตัวของลามะรูปนั้นๆ ซึ่งความเชื่อและการปฏิบัติแบบนี้ก็เพื่อให้คำสอนต่างๆ
ที่ท่านเหล่านั้นเคยได้ร่ำเรียนมาไม่สลายหายไป
ฉันสังเกตว่าชื่อของนัมเกลนั้นเหมือนกับชื่อราชวงศ์
เขาบอกว่าท่านลามะที่ตั้งชื่อให้เขานั้นตั้งชื่อให้พี่น้องเขาเป็นชื่อเดียวกันหมดเลย สงสัยจะชอบชื่อนี้เป็นพิเศษแต่ก็ถือว่าเป็นชื่อที่มีความหมายดีเพราะหมายถึง
“ชัยชนะ”
“อ้าว
ยังงี้เวลาแม่เรียกก็งงสิว่านัมเกลไหน”
เขาหัวเราะขำ
“หรือว่าคุณมีชื่ออื่นอีกด้วย”
“ก็มีครับถ้าเรียกนัมเกลเฉยๆ
คนก็อาจจะไม่รู้ว่านัมเกลไหน แต่ถ้าเรียกชื่อท้ายก็จะรู้ทันทีครับ”
สรุปว่าเขามี
2 ชื่อและ 1 นามสกุล
เราเดินออกมาด้านนอก
นัมเกลหยุดตรงประตูและควักเหรียญออกมาจากกระเป๋ากางเกง
3 เหรียญ ยื่นให้เรา ฉันทำหน้างงๆ
เขาก็บอกให้หยิบไปแปะไว้กับประตูแล้วจะโชคดี
ตรงบริเวณประตูนั้นเต็มไปด้วยเหรียญเล็กใหญ่แปะอยู่
ฉันพยายามแปะอยู่หลายหนก็ไม่สำเร็จ (สงสัยไม่มีพลังเหมือนที่พระที่วัด Thiksey บอกจริงๆ ด้วย) หนสุดท้ายหล่นลงพื้น
นัมเกลเลยช่วยหยิบมาติดให้ เฮ้อ…ฉันคงเป็นคนไม่มีโชคล่ะมัง ต้องอาศัยคนอื่นคอยช่วย
อุปถัมป์
นัมเกลเลยช่วยหยิบมาติดให้ เฮ้อ…ฉันคงเป็นคนไม่มีโชคล่ะมัง ต้องอาศัยคนอื่นคอยช่วย
อุปถัมป์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น