03 กรกฎาคม 2555

3. จู๊ ...​ เลย์

     เจอกันด้านหน้าโรงแรมเวลาตี 4 อย่างพร้อมเพรียงด้วยอาการงัวเงีย มือนึงถือกล่องอาหารเช้าที่ทางโรงแรมตระเตรียมไว้ให้อีกมือถือกระเป๋าเดินทาง
     เครื่องบินไปเลห์ออกเดินทางตอน 6:10 น. นกตื่นสายอย่างฉันก็มึนหัวอยู่ใช่น้อย แต่ความตื่นเต้นเลยทำให้ใจตื่น รถคันเดิมพร้อมคนขับพาเราไปสู่สนามบินภายในประเทศซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับตึกภายนอกประเทศ สำหรับคนที่ไม่อยากเสียค่าโรงแรม  1 คืนก็สามารถไปรอขึ้นเครื่องได้เลย เขามีรถรับส่งระหว่าง 2 ตึก ผู้คนที่เดินทางไปเลห์นั้นส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกับเราและมีคนท้องถิ่นปะปนอยู่บ้าง เราเจอผู้หญฺิงญี่ปุ่นคนนึงซึ่งเดินทางมาจากเมืองไทย
ไฟล์ทเดียวกับเรา เธอเป็นครูอาสาสมัครและลาพักร้อนหนึ่งเดือนเต็มเพื่อมาเดินทางท่องเที่ยวที่อินเดียคนเดียวเป็นเวลา 1 เดือนเต็มโดยไม่ได้อาศัยทัวร์ จองเองแทบทุกอย่าง ฉันรู้สึกอิจฉาในความใจกล้าของเธอเพราะสำหรับหลายๆ คนคงจัดอินเดียให้เป็นประเทศท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของการผจญภัยผจญกรรม ถ้าใครไม่แน่จริงคงไม่กล้าจดอินเดียไว้เป็นหนึ่งในสถานที่อยากไปก่อนตายในชีวิตเป็นแน่ เพราะเรื่องราวเด็ดๆ ที่พบเจอระหว่างเดินทางนั้นอาจทำให้้ขยาดกับการเดินทาง แต่อีกมุมมองนึงถ้าใครผ่านอินเดียไปได้โดยไม่เข็ดซะก่อนรับรองว่าไปเที่ยวที่ไหนก็ได้แล้วในโลกนี้ ใครยังไม่เคยไปอินเดียอย่ามาฝอยว่าเป็นนักเดินทางตัวฉกาจเลย
     เครื่องบินใช้เวลาเดินทางเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็ไปถึงสนามบินเลห์ เครื่องบินค่อยๆ ลดระดับลงแทรกตัวผ่านหุบเขาเข้าไปนำเครื่องลงบนรันเวย์ที่แคบและสั้น วิวของสนามบินที่นี่ค่อนข้างแปลกตาเพราะถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาดินและหินสีน้ำตาลดูช่างแห้งแล้งต่างจากหุบเขาสีเขียวชอุ่มแถบภูฏานหรือเนปาลที่ฉันเคยไปเยือนมา ครั้งแรกสำหรับทุกคนย่อมต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาครั้งนี้ก็อีกเช่นกันที่ฉันได้แวะเวียนมาเยือนดินแดนในอีกด้านหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย ถ้าถามว่าสนิทกันรึยังเจอกันบ่อยขนาดนี้ก็ต้องบอกว่ายังเพราะเขามีความหลากหลายซะเหลือเกินแถมอ่านยากซะด้วย มองมุมไหนก็รู้สึกต่างเหมือนคนมีหลายบุคลิก แต่เมื่อได้สัมผัสใกล้ๆ จะรู้สึกได้ถึงความย่ิงใหญ่ สุขุม มั่นคง อบอุ่นบ้างบางครั้งแต่เยือกเย็นบ่อยกว่า ทำให้น่าค้นหา
     เมื่อเราเดินออกจากเครื่องก็ต้องหยิบเสื้อหนาวมากระชับตัวทันทีเพราะอากาศหนาวเย็นมีลมพัดโชย หยิบแว่นกันแดดออกมาปกป้องตาจากแสงแดดที่สาดแสงแรง (อืมม์แสงประมาณนี้ทำหมูแดดเดียวสบาย) เรายังไม่รู้สึกมีอาการแพ้ความสูง อาจเป็นเพราะร่างกายเราแข็งแรงหรือไม่ก็ต้องขอบคุณยาแก้แพ้ที่ทางทัวร์จัดมาให้ ยืนต้านลมหนาวซักครู่รถบัสมารับเราไปยังทางเข้าสนามบินซึ่งมีขนาดค่อนข้างเล็กมาก มีสายพานนำกระเป๋าเพียงแค่สองสายเล็กๆ ด้านข้างเต็มไปด้วยทหารหนุ่มเชื้อชาติอินเดียซึ่งมาถึงก่อนหน้าเราเพียงไม่กี่นาที ดินแดนแถบนี้ค่อนข้างอ่อนไหวเพราะมีพื้นที่ติดกับปากีสถานและจีน จึงมีค่ายทหารรายล้อมอยู่มากมายตามตะเข็บชายแดน เราไม่ได้ตื่นเต้นนักเพราะตั้งแต่เหตุการณ์ความวุ่นวายในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนเมษาและพฤษภาที่ผ่านมาทำให้เราเร่ิมเคยชินและทำใจได้กับความรุนแรงและความไม่แน่นอนของชีวิต เพราะฉะนั้นการเจอทหารในชีวิตประจำวันจึงถือเป็นเรื่องปกติไป ดีซะอีกมีคนคอยปกป้องคุ้มครอง จะว่าไปแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ฉันและคนรอบๆ ตัวมองชีวิตต่างไป รู้สึกว่าชีวิตช่างเปราะบางและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เราไม่มีทางรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราเพราะชีวิตยังมีส่วนประกอบอีกมากมาย ในขณะที่ยังมีสติและลมหายใจอยู่เราควรใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ให้เวลาและเอาใจใส่คนรอบตัวที่รักและหวังดีกับเราให้มากที่สุดเพราะเราไม่มีทางรู้ได้ว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะทำได้
     หลังจากกรอกเอกสารสั้นๆ ให้เจ้าหน้าที่ภายในสนามบินเก็บไว้เป็นหลักฐานและได้กระเป๋าเดินทางครบ  เราเดินหน้าเผชิญกับลมหนาวด้านนอกสนามบิน คนขับรถพร้อมป้ายชื่อฉันรออยู่แล้ว “โลตัส” เป็นชายร่างเล็ก ผอมแกรน ผิวคล้ำ ชอบใส่แว่นดำและหมวกตลอดเวลา พูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อย เขาช่วยเราขนกระเป๋าขึ้นรถและออกเดินทางไปส่งยังโรงแรมซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก “Namgyal Palace” เป็นโรงแรมขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นๆ น่าจะอยู่ในระดับประมาณ 3-4 ดาวของที่นี่ ตั้งอยู่บนถนนฟอร์ด ​(Ford Road) มีขนาด 3 ชั้น น่าจะมีห้องพักประมาณ 30 ห้องได้ แต่เนื่องจากช่วงเวลาที่เราไปนั้นเป็นช่วงใกล้หมดฤดูกาลท่องเที่ยวแล้วจึงมีแขกพักเพียงแค่ไม่ถึง 10 คน รู้ภายหลังว่าเป็นกลุ่มชาวเบลเยี่ยม อายุอยู่ในวัยกลางคน ออกเดินทางท่องเที่ยวแถบเอเชียใต้ และอีกกลุ่มก็คือเราชาวสยาม 3 เกลอ ที่พุ่งตัวตรงไปหลับที่ห้องนอนทันทีที่ไปถึง ฉันนอนคนเดียวในขณะที่พี่ลีแบ่งห้องนอนกับนฐ  พื้นที่ในห้องค่อนข้างกว้างมีสองเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะรับแขกเล็กๆ ติดกับหน้าต่างให้ดูวิวด้านนอกและที่สำคัญที่สุดมีห้องน้ำในตัวที่มีน้ำอุ่นบริการ 24 ชั่วโมง (เฮ้อ …​โล่ง ไม่ต้องซักแห้งแล้วเรา)​ สำหรับไฟฟ้าเขาบอกว่ามีตลอด แต่เมื่ออยู่ในประเทศอินเดียการที่ไฟไม่ดับเลยถือเป็นเรื่องแปลก ควรเตรียมตัวและเตรียมใจไว้และพกไฟฉายติดตัวมาด้วย




     เมื่อใกล้เวลา 10 โมงเช้า ฉันทำหน้าที่หัวหน้าทีมจัดตั้งด้วยการตื่นขึ้นมารอพบกับตัวแทนทัวร์ท้องถิ่น ออกมานั่งรอตรงบริเวณระเบียงที่มีโต๊ะตั้งไว้ให้ลูกค้าได้พักผ่อน นั่งเล่น หรืออ่านหนังสือ อากาศค่อนข้างดีทีเดียว ปลายเดือนกันยายนยังพอมีดอกไม้ให้เห็นอยู่บ้างแต่คงจะเป็นช่วงสุดท้ายของปีนี้แล้วที่มันจะแต่งแต้มสีสันให้กับที่นี่ เมื่อหน้าหนาวมาเยือนดอกไม้ที่อ่อนแอทั้งหลายคงต้องเหี่ยวเฉาไป ฉันนั่งตากแดดให้อบอุ่นและสร้างความคุ้นเคยกับชั้นบรรยากาศ ไม่นานนักรถจีปคันคุ้นตาก็แล่นเข้ามา พร้อมพา “ชาบีร์” (Shabir) เจ้าของเอเยนซีทัวร์ เขาแนะนำตัวและดูรายการทัวร์ของเราพร้อมกับบอกว่าจะส่งไกด์มาให้ตอนบ่ายสองโมงครึ่งให้เราพักผ่อนไปก่อนเพราะวันแรกอยากให้ปรับตัวกับอากาศและความสูงเฉียดฟ้าไม่ต้องรีบร้อน และอีกอย่างกิจกรรมวันแรกเป็นไปอย่างเบาๆ ไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จ มีเวลาถมเถว่าแล้วเขาก็ขอตัวกลับไป
     ในเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจะกลับไปนอนอีกก็กระไรอยู่ท้องก็เริ่มร้องแล้ว เราจึงขอให้ทางโรงแรมเตรียมอาหารเที่ยงให้เร็วขึ้นหน่อยแต่ทางครัวยังไม่สามารถทำให้ได้จึงบริการด้วยแซนวิชชีสกับชาร้อน ฉันอยากดื่มกาแฟมากประหนึ่งสิ่งเสพติดที่ขาดไม่ได้อยู่กรุงเทพต้องดื่มอย่างน้อยวันละ 1 ถึง 2 แก้ว แต่ก็กลัวคำเตือนที่ว่าไม่ให้ดื่มน้ำประเภท ชา กาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์ เพราะจะมีผลกับร่างกายในสภาวะความกดอากาศสูงแถมมีออกซิเจนน้อย เอาล่ะ ถือว่ามาถ้ำกระบอกอดกาแฟที่นี่ละกัน


      เรานั่งเล่นชื่นชมบรรยากาศรอบๆ โรงแรมกันซักพักฉันกับนฐก็ออกไปเดินเล่นในละแวกใกล้ๆ  เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เราผ่านไปเจอร้านค้าร้านหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม คนขายออกมาทักทายเรา ถามไถ่ว่ามาจากไหน และต้อนรับเราสู่เลห์ เขาพูดจาน่ารัก ไม่เน้นการขายมากนัก ไม่ล๊อกคอเราให้เข้าร้านเพียงแต่พูดทิ้งท้ายไว้ว่าเราเป็นเพื่อนบ้านกัน ถ้ามีเวลาก็รบกวนให้แวะดูของที่ร้านเขาหน่อย เราจึงรู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยกับเขา              
     “เวลาคนที่นี่ทักทายกันว่าสวัสดีเค้าพูดกันว่าไงเหรอ” ฉันถามจาเวด (Javad)
     “จู๊เล”
     “น่ารักจัง …​จู๊เล” “แล้วคำขอบคุณล่ะ”
     “จู จุ๊ หรือบางทีก็จู๊เล” เขาบอก
     “โอเค จูจุ๊ แล้วเจอกันใหม่” 


     บนถนนสายนี้ไม่มีร่องรอยของนักท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก บางทีการมาเที่ยวนอกฤดูกาลก็ดีไปอีกแบบ ไม่ต้องแย่งกันชื่นชมความงามของบ้านเมืองหรือของธรรมชาติ มีเวลาพอที่จะสัมผัสกับส่ิงเล็กๆ น้อยๆ ได้เต็มที่ เพราะเมื่อเรารีบเร่งอาจทำให้เรามองข้ามบางส่ิงไป แม้ชีวิตจะมีแค่ 30,000 กว่าวันแต่ใช้มันให้ละเมียดละไมบ้างเถอะ 
     เราเดินกลับไปรอทานอาหารเที่ยงกันที่ห้องอาหารของโรงแรมซึ่งทางทัวร์ได้จัดเตรียมอาหารทุกมื้อตลอดการเดินทางไว้ให้เรียบร้อย ถึงเวลาก็มีอาหารกินทุกมื้อไม่ต้องนั่งกังวลกลัวสั่งไม่เป็น แต่มันก็ต้องคอยลุ้้นเหมือนกันว่าแต่ละมื้อเขาจะจัดเตรียมอะไรไว้ให้เราบ้าง จะกินได้รึเปล่า สำหรับฉันถ้าไม่ใช่เนื้อสัตว์แปลกๆ เครื่องในหรืออาหารรสเผ็ดจัดก็ไม่มีปัญหาอะไร ห่วงแต่เพื่อนร่วมทริปนี่แหล่ะ มื้อแรกของทริปนี้เป็นมื้อมังสวิรัติล้วนๆ ผัดถั่วลันเตากับเห็ด ผัดดอกกะหล่ำกับแครอท แกงเผ็ดชีส ผักสลัดสด ซุปถั่ว (Dal) เสิร์ฟพร้อม จาปาตี (Chapati) และข้าวขาว เมนูประมาณนี้ถือเป็นจานเบสิคมากของอาหารอินเดีย อาหารทุกจานล้วนใส่เครื่องเทศ 
กล่ินฉุนกึ้ก สำหรับลิ้นอย่างฉันสบายมากแต่ถ้าผู้อ่านคนไหนไม่คุ้นกับรสและกลิ่นเครื่องเทศ
แบบแขกๆ รวมทั้งไม่ได้มีโปรแกรมลดความอ้วนที่อินเดีย ขอแนะนำให้ติดอาหารถูกปากมาบ้างก็ดี เดี๋ยวจะไม่มีแรงเที่ยวแล้วพาลไม่ชอบอินเดียไปจะน่าเสียดาย เราอ่ิมพุงกางกับมื้อแรก ความจริงฉันเริ่มอิ่มตั้งแต่แซนวิชแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะลิ้มลองอาหารพื้นเมืองแถบนี้ดูบ้าง ไหนๆ เค้าก็อุตส่าห์ตั้งใจเตรียมมาให้เราแล้ว ต้องคิดไว้เสมอว่ายังมีคนอดอยากอีกมากมาย เรามีอาหารทานก็ดีแล้วอย่าเรื่องมากเลย


      เราเข้าไปเตรียมตัวสำหรับการออกไปเที่ยวช่วงบ่าย เตรียมยังไงไม่รู้ฉันเผลองีบหลับไปอีกหน่อย รู้ตัวอีกทีมีคนมาเคาะประตูที่ห้อง เปิดออกไปพบกับชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง สูงปานกลาง ผิวคล้ำ
      “ได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ” เขาบอก
      “โอเค” ฉันตอบกลับไป
     ฉันคิดว่าคงเป็นพนักงานที่โรงแรมส่งมาเรียกให้ลงไปเจอกับไกด์ตามเวลาที่นัดไว้จึงรีบล้างหน้าล้างตาคว้าเสื้อกันหนาวและผ้าพันคอ เมื่อลงไปถึงตรงที่รถจอดอยู่ชายหนุ่มผู้นั้นยืนคุยอยู่กับนฐและพี่ลี เขาเป็นไกด์ของเรานั่นเอง
     “นัมเกล” (Namgyal) ชื่อเดียวกับโรงแรมและเป็นชื่อของราชวงศ์ของลาดัคห์ในอดีต เขาเป็นไกด์อิสระ และจะเป็นไกด์นำเราไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ระหว่างที่เราอยู่ในขอบเขตของลาดัคห์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น