23 เมษายน 2554

2. ไปบ้านเพื่อนอีกครั้ง

     การเดินทางคราวนี้ฉันแทบไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยเพราะมีผู้ขันอาสาจะพาเที่ยวคือพี่ธันวา ชาวเนปาลที่มาอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยเกือบ 20 ปีแล้ว เป็นนักข่าวสายต่างประเทศของหนังสือพิมพ์มติชน เจ้าของเว็บไซต์เที่ยวเนปาล (www.tiewnepal.com) และ Himalaya Residence, hostel เล็กๆ แถวสุขุมวิท 31 ซึ่งกำลังจะเดินทางกลับบ้านพอดี ฉันได้รู้จักกับ
พี่ธันวาที่งานเปิดตัวหนังสือเล่มหนึ่งของฉัน และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มักจะแลกเปลี่ยนข่าวสารเกี่ยวกับประเทศแถบหิมาลัยเสมอๆ ก็เลยวางใจเพราะมีชาวท้องถ่ินพาเที่ยวขนาดนี้คงได้เจออะไรดีๆ ที่แตกต่างไปจากคนอื่นๆ อย่างแน่นอน
     สำหรับทริปนี้ฉันก็เลยไม่รู้ว่าแต่ละวันจะเดินทางไปที่ไหนบ้างซึ่งผิดวิสัยของฉันมาก แต่เอาน่ะคิดไปว่าคงตื่นเต้นดี ที่แน่ๆ ฉันได้บอกเจตจำนงค์ของฉันกับพี่ธันวาไปว่าอยากไปเที่ยวตามหมู่บ้านเล็กๆ ของเนปาล เพราะยังไม่เคยไป อยากเข้าถึงวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของชาวบ้าน  พวกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญตามเมืองในหุบเขากาฐมาณฑุไม่ต้องเน้นมากเพราะไปมาแล้วในสองทริปที่ผ่านมา แต่ก็คงต้องไปเยี่ยมชมบ้างเพราะพี่ตุ๊กยังไม่เคยไป แล้วที่แน่ๆ ฉันต้องการไปพบเพื่อนเก่าทั้งสองคน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้แน่ๆ
     เดินทางโดยสายการบินไทยเหมือนทุกครั้งเพราะบินแน่นอนตามตารางเวลาที่กำหนดไว้แม้ว่าราคาจะแพงกว่าสายการบินอื่นๆ ก็ตาม ตามกำหนดเครื่องต้องออกเวลา 10:35 แต่ …​ 
มีผู้โดยสาร 3 คนยังไม่มาขึ้นเครื่องจนเลยเวลาไปมากแล้ว ทางสายการบินเลยต้องเสียเวลาหากระเป๋าทั้งสามและเอาออกจากเครื่อง อันนี้คงเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความปลอดภัยเพราะเราคงไม่รู้หรอกว่าจะมีอะไรอยู่ในกระเป๋าทั้งสามใบบ้าง กึ๋ย …
     ใช้เวลาไม่นานเพียงแค่สามชั่วโมงกว่าๆ เราก็เดินทางไปถึงกาฐมาณฑุ ในขณะที่เครื่องลดเพดานบินฉันพยายามชี้ให้พี่ตุ๊กดูยอดเขาเอเวอเรสแต่ก็เห็นไม่ชัดนักเพราะช่วงนี้อากาศไม่ดี ฟ้าไม่เปิด ทำให้ลดความสวยงามของทัศนียภาพลงไปมากจากสองครั้งแรกที่ฉันเห็นยอดเขาที่มีหิมะเกาะอยู่เป็นแนวยาวระหว่างที่เครื่องบินลดระดับเพื่อลงจอด แต่ครั้งนี้แทบไม่เห็นอะไรเลย เสียแรงที่อุตส่าห์เลือกที่นั่งด้านขวามือ ถ้าผู้อ่านคนไหนมีโอกาสไปในช่วงพีค คือช่วงตุลาคมถึงพฤศจิกายนก็พยายามจองที่นั่งบนเครื่องบินด้านขวามือเพราะจะเป็นด้านที่เห็นวิวภูเขาได้อย่างชัดเจนขณะเครื่องลงจอด เดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนและธันวาคมถึงมกราคมก็สวยไปอีกแบบแต่อากาศอาจจะหนาวมากเกินไปสำหรับคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคย
     เมื่อลงจากเครื่องอากาศที่สัมผัสได้จากด้านนอกนั้นค่อนข้างร้อนออกจะอบอ้าว ซึ่งเป็นอากาศที่ฉันไม่เคยสัมผัสในสองครั้งแรกที่ไป ภายในบริเวณสนามบินไตรภูวัณไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อ 8 ปีก่อนมากเท่าไหร่ ยังคงไว้ซึ่งความเรียบง่ายที่สอดแทรกศิลปะแบบเนปาลเอาไว้  เมื่อได้กระเป๋าครบแล้วเราก็ลากรถเข็นออกไปยังด้านนอกเพื่อรอพบกับคุณสุจิณจากสเปเชี่ยลไลส์ทัวร์ซึ่งนัดแนะกับพี่ธันวาไว้เรียบร้อยว่าจะมารับเราไปส่งที่ซานูโฮมสเตย์ 
( www.baannepal.com ) คุณสุจิณเป็นเพื่อนรักของพี่ธันวาเพราะเคยมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยด้วยกันหลายปี จนในที่สุดก็กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดและก่อตั้งบริษัทสเปเชี่ยลไลส์ทัวร์ขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวเนปาลโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเป็นทัวร์ที่เข้าใจความต้องการของคนไทยแบบสุดๆ แถมเจ้าของยังพูดภาษาไทยได้คล่องปรื๋อ ใจดีอีกต่างหาก ถ้าใครมีปัญหาติดขัดอะไรปรึกษาแกได้สะดวกใจ ใครสนใจใช้บริการก็ลองเข้าไปดูข้อมูลขั้นต้นได้ที่ www.specializedtour.com รับรองว่าบริการถูกใจแน่นอน เพราะเป็นทัวร์สไตล์ตามใจนักท่องเที่ยวอยากไปไหน ทำอะไรขอให้บอกจัดให้ได้ถูกจริต
     อากาศช่วงนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าวตั้งแต่สายๆ ของวันจนถึงช่วงเย็น และมีฝุ่นมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ผู้คนเดินขวักไขว่วุ่นวายตามท้องถนน รถราวิ่งกันเบียดเสียดพร้อมๆกับกดแตรเสียงดัง ความรู้สึกเก่าๆ เริ่มกลับมา  เมื่อเข้าใกล้บริเวณเมืองฉันสังเกตุว่าบ้านช่องเปลี่ยนไปจากเมื่อ 8 ปีที่แล้วมาก ฉันแทบจะจำอะไรไม่ได้เลยยกเว้นความวุ่นวายแบบเดิมๆ เราใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็ไปถึงซานูโฮมสเตย์ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณด้านนอกเมืองปาตัน ซานูโฮมสเตย์นั้นเป็นตึกสีเขียวสด 5 ชั้น เป็นบ้านสไตล์เนวาร์และมีดาดฟ้าด้านบนนั่งรับแดดอ่อนๆ ยามเช้าได้สบาย มีห้องให้เช่าทั้งหมด 6 ห้อง นอนได้ทั้งหมด 9 คน มีทั้งห้องเล็กและใหญ่ ห้องน้ำรวมและห้องน้ำในตัว เลือกได้ตามความสะดวก แถมมีห้องสมุดและอินเตอร์เน็ตไว้บริการติดตามข่าวสารบ้านเมืองได้ ราคาค่าเช่านั้นคือ 500 รูปีต่อวันรวมอาหารเช้า ซึ่งจะให้บริการที่ห้องอาหารชั้นล่างสุด หรือถ้าอยากทดลองทานอาหารแบบเนปาลแท้ก็เชิญทานได้ในห้องครัว มีส่วนทานอาหารเป็นที่นั่งบนพื้น นอกจากนี้คุณสาริตา (Sarita) (น้องสาวของพี่ธันวา)  เจ้าของสาวใจดี หน้าตาน่ารัก ยิ้มสวยตลอดเวลา จะพาไปเที่ยวตามสถานที่สำคัญ พิธีกรรมแบบพื้นเมืองต่างๆตามความสนใจ รวมทั้งเทศกาลที่จะมีในแต่ละช่วง


     เมื่อมาถึงสมาชิกของบ้านออกมาต้อนรับเรานั่นก็คือคุณแม่พี่ธันวา น้องสาว (สาริตา) พี่สาว และน้องชาย เราได้รับการเจิมผงสีแดงที่หน้าผากเพื่อให้การต้อนรับและเป็นสิริมงคล หลังจากที่ทำความรู้จักกับเจ้าของบ้านเรียบร้อยฉันกับพี่ตุ๊กเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องซึ่งอยู่ชั้นบนสุด เป็นห้องสองเตียงมีขนาดกว้าง มีโต๊ะหนังสือสองตัว (ของใครของมัน) ตู้ใส่เสื้อผ้า และระเบียงเล็กๆ ที่ออกไปสูดอากาศยามเช้าได้ หลังจากนั้นเราลงมาทานโยเกิร์ตและผลไม้กันที่ห้องสมุด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในขั้นตอนการต้อนรับแขกของบ้านนี้ โยเกิร์ตเนปาลนั้นมีลักษณะเข้มข้นและมีเนื้อที่หนาไม่เหลวใส ถูกใส่ในถ้วยที่ทำจากดินเผา รสชาติหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น