22 เมษายน 2554

"เนปาล 3 องศา" องศา 3 : 1. กว่าจะลงตัว

องศาที่ 3 : สานสัมพันธ์
The Return
  
     ชีวิตฉันผ่านอะไรไปมากมาย จากบริษัทเดิมที่ฉันย้ายไปทำหลังจากที่กลับจากเนปาลในครั้งที่ 2 เป็นเวลากว่า 6 ปี ย้ายไปบริษัทใหม่แต่เป็นธุรกิจโฆษณาเหมือนเดิมทำให้ฉันได้ค้นพบว่าตัวเองไม่อยากทำงานในระบบและรูปแบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว ฉันอยากมีชีวิตที่มีอิสระมากกว่านั้น ทั้งในด้านความคิด วิธีการทำงาน และการใช้ชีวิต
     ฉันตัดสินใจลาออกจากบริษัทโฆษณาอันดับหนึ่งของเมืองไทยไปมีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเองเพื่อที่จะสามารถให้เวลากับชีวิตส่วนตัวได้มากขึ้นกว่าเดิม จะได้ทำอะไรตามใจอยาก มีเวลาในการเดินทางเรียนรู้โลกได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น
     แล้ววันหนึ่งหลังจากที่ฉันเปิดบริษัทมาซักพักและเริ่มมีความมั่นใจว่าธุรกิจจะไปได้อย่างดี หุ้นส่วนฉันก็รบเร้าว่าอยากไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงปีใหม่เพื่อต้อนรับปี 2008 ที่กำลังจะมาถึง แต่เนื่องจากเราเพ่ิงจะเริ่มทำธุรกิจได้ไม่นาน เงินเก็บส่วนใหญ่ของฉันก็ลงทุนไปกับการตั้งบริษัททำให้ยังไม่ค่อยมีกะจิตกะใจอยากจะเดินทางไปไหน เพราะนั่นหมายถึงเงินจำนวนมากที่ต้องจ่าย แต่ก็ทนคำขอร้องไม่ไหว
     “ไปก็ได้พี่ แต่ต้องไปประเทศใกล้ๆ เพราะเราไม่ค่อยมีเงิน แล้วอีกอย่างก็ไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก นี่ก็ปาเข้าไปเดือนตุลาคมแล้ว คงต้องไปที่ที่เราคุ้นเคย” ฉันบอกข้อเสนอกับพี่ตุ๊ก เพื่อนผู้ร่วมหัวจมท้ายในการทำธุรกิจร่วมกัน และเพื่อนเดินทางที่ไปด้วยกันในหลายๆ ทริป
     “ไปไหนก็ได้ ขอให้ได้ไปเหอะ ให้พี่แคร์ตัดสินใจ” พี่ตุ๊กตกลงกับข้อเสนอของฉันโดยง่ายเพราะเธอไม่ได้ออกเดินทางไปไหนมาเป็นเวลาเกือบปีแล้ว
     “ถ้างั้นไปเนปาลมั้ยล่ะ เพราะเราไปมาสองหนแล้ว จะได้ไม่ต้องเตรียมตัวศึกษาข้อมูลให้วุ่นวาย แล้วอีกอย่างเราก็อยากไปเจอเพื่อนเก่าด้วย” ฉันเสนอความคิดในหัวที่หาโอกาสมานานแล้ว
     “ก็ได้นะ … มันมีอะไรให้เที่ยวบ้างล่ะ” พี่ตุ๊กทำเสียงกังวลนิดหน่อยเพราะเธอไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับประเทศเนปาลแล้วอีกอย่างก็ไม่ได้นิยมประเทศแถบนี้เท่าไหร่
     “โอ้ย…สบายมาก เดี๋ยวจัดให้ จะพาไปเที่ยวให้หนุกเลย” ฉันเร่ิมออกอาการดี๊ด๊า หลังจากนั้นก็ลองโทรจองตั๋วเครื่องบินที่ไม่คิดว่าจะได้โดยง่ายนัก แต่ก็ได้ในที่สุด
     ฉันจัดการแจ้งข่าวเรื่องการเดินทางให้ทั้งจูเกชและภราวาติกาได้รู้ (ซึ่งตอนนี้ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่กาฐมาณฑุแล้ว ) จะได้วางแผนไปเจอกันอีกครั้ง
    เมื่อใกล้วันที่ต้องออกตั๋วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน คุณแม่พี่ตุ๊กป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลมาเป็นระยะเวลาหนึ่งและยังไม่มีทีท่าว่าจะได้ออกง่ายๆ พี่ตุ๊กจึงไม่สบายใจนักถ้าต้องเดินทางไปไหนไกลๆ เป็นระยะเวลานานๆ ฉันเองก็ต้องตัดสินใจว่าจะเดินทางไปเนปาลคนเดียวหรือไม่
      ในที่สุดฉันตัดสินใจว่าฉันจะเลื่อนการเดินทางออกไปก่อนจนกว่าคุณแม่พี่ตุ๊กจะออกจากโรงพยาบาลไม่ใช่ว่าฉันไม่กล้าเดินทางคนเดียวเพราะสองครั้งแรกก็ไปคนเดียว แต่ฉันรู้สึกว่าฉันคงไม่สามารถเดินทางอย่างมีความสุขได้ในขณะที่เพื่อนมีความทุกข์ ดูมันจะเห็นแก่ตัวเกินไป เพื่อนย่อมต้องการกำลังใจในเวลาที่มีความทุกข์ ถึงแม้เราจะไม่สามารถช่วยให้คุณแม่เขาหายป่วยได้ แต่เราคงช่วยลดความกังวลของเขาที่มีต่อเรื่องงานลงได้บ้าง
     เราเลื่อนการเดินทางออกไปจนถึงช่วงสงกรานต์ในปีถัดไป (2008) แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไป ด้วยสองสาเหตุ หนึ่งคุณแม่พี่ตุ๊กอยู่ในอาการโคม่า สองช่วงนั้นเป็นช่วงเลือกตั้งของเนปาลพอดี จูเกชไม่แนะนำให้ฉันเดินทางไปเพราะเขาเองก็ยังไม่แน่ใจในเหตุการณ์บ้านเมืองของตัวเอง  ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุอะไรรุนแรงรึเปล่าเหมือนหลายๆ ครั้งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านๆ มา ฉันจึงต้องตัดใจเลื่อนการเดินทางอีกครั้ง .... ปลอดภัยไว้ก่อน
     เมื่อการเลือกตั้งผ่านไปและดูเหมือนว่าไม่น่ามีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับการเมืองเพราะพรรคเหมาอิสต์ก็ได้คะแนนเสียงไปอย่างมากมายสมใจ ฉันจึงตัดสินใจเดินทางไปเนปาลในช่วง 
9-18 พฤษภาคม 2551
     เมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงเตรียมตัวเดินทางโดยที่สิ่งสำคัญที่ตั้งใจนำไปด้วยก็คือของฝากเล็กๆ น้อยๆ ให้กับจูเกช ริซ่า ลูกชาย ลูกสาว ราเกช บาซุ และลืมไม่ได้คือภราวาติกา 
     ได้แต่หวังว่าคงไม่มีอุปสรรคอะไรอีก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น