อันน่ารักนี้ ผู้คนที่พายเรือผ่านไปมาและไม่ได้เจอเราเมื่อวานต่างก็ออกอาการตื่นเต้นเหมือนเช่นเคยกับฝีมือการพายเรืออันเหนือชั้นของพี่ลี
หนุ่มคนหนึ่งพายเรือขนานคู่ไปกับเราและชวนคุย
“คุณมาจากไหนกันเนี่ย
พายเรือเก่งจริง”
“เมืองไทยน่ะ”
“อยากได้งานพายเรือที่นี่มั้ยล่ะ”
“แล้วคุณจะให้ค่าจ้างเท่าไหร่ล่ะ”
พี่ลีชักสนใจอาชีพใหม่
“เดือนละ
50 ดอลล่าห์” เขาบอก
พวกเราต่างพากันหัวเราะชอบใจ
“ค่าจ้างน้อยจัง”
ฉันแกล้งต่อรองเขา
“ถ้างั้นให้ที่พักด้วยพร้อมอาหาร”
เขาเพ่ิมข้อเสนอ
“ห้องนอนแยกเดี่ยวใช่มั้ย
คงไม่ต้องนอนห้องเดียวกับคุณนะ” ฉันแกล้งล้อเขาเล่น
เขาหัวเราะยกใหญ่
เราเพลิดเพลินกับการใช้เวลาในทะเลสาปจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วจึงกลับไปยัง
บ้านเรือ สังเกตว่าเมื่อเราไม่ได้นั่งเรือชิคาร่าแต่พายเรือเล็กเล่นกันไม่มีใครสนใจที่จะขายของให้กับเรา ทำให้เรารู้สึกสบาย ปลอดโปร่ง ไม่ต้องพูดคุยต่อรองหรือหามุกเด็ดๆ ใหม่ๆ มาคอยไล่พวกชอบตื้อ นั่นแปลว่า
บ้านเรือ สังเกตว่าเมื่อเราไม่ได้นั่งเรือชิคาร่าแต่พายเรือเล็กเล่นกันไม่มีใครสนใจที่จะขายของให้กับเรา ทำให้เรารู้สึกสบาย ปลอดโปร่ง ไม่ต้องพูดคุยต่อรองหรือหามุกเด็ดๆ ใหม่ๆ มาคอยไล่พวกชอบตื้อ นั่นแปลว่า
ชิคาร่า
= นักท่องเที่ยว = การขายของได้ = รายได้
และ
เรือพาย = ชาวบ้าน = ไม่มีตังค์ซื้อของ = เสียเวลา
เปลืองนำ้ลายตื้อ
สถานภาพของเราเปลี่ยนกันได้ด้วยพาหนะนี่เอง
เมื่อพายเรือใกล้ถึงบ้าน
มีหนุ่ม 2 คนยืนอยู่บนชานหน้าบ้านบอกให้เราพายเรือไปให้เขา เราตอบพร้อมกันว่า
“ไม่”
เขาเป็นใครก็ไม่รู้
อยู่ดีๆ จะมาขอเรือจากเรา เรือของเราก็ไม่ใช่ จะทำยังไงดี ปฏิเสธไว้ก่อนดีกว่า แบบนี้ไม่น่าไว้ใจ
คนกรุงเทพอย่างเราถูกสอนมาว่าไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้า เรามักจะปฏิเสธไว้ก่อนโดยไม่เชื่อใจใครง่ายๆ
ถ้าไม่รู้จัก
“พายมาเถอะครับผมต้องเอาของไปที่ฝั่ง
นี่ดูสิของกล่องใหญ่มากเลย”
“ไม่ได้หรอกคุณเป็นใครก็ไม่รู้
แล้วนั่นกล่องอะไรน่ะระเบิดรึเปล่า” จินตนาการโลดแล่นในหัวฉัน
เขาเดินตามเรือเรามาจนถึงทางขึ้นบ้านเพื่อจะเอาเรือไปขนของ
“แล้วคุณรู้จักดีนเจ้าของเรือรึเปล่า
ขออนุญาตเขารึยัง”
“ผมเป็นเพื่อนเขาน่ะ
จะยืมเรือไปส่งของหน่อย”
เขาคงไม่โกหกหรอกน่า
แล้วคนแถวนี้คงรู้จักกันหมดไม่น่าจะเป็นอะไร แต่เราก็เล่าให้ดีนฟังซึ่งทำให้เขาขำกับการทำตัวเป็นพวกขี้ระแวงของเรา
อาหารมื้อค่ำวันนี้เป็นมื้อสุดท้ายที่จะได้กินของอร่อยและอ่ิมแบบสุดๆ
ซึ่งไม่ผิดหวังเลย รสชาติฝีมือพ่อครัว “ไฟยาซ” (Fiyaz) นั้นไม่ทำให้เราผิดหวังแม้แต่มื้อเดียว
มื้อส่งท้ายนี้มีเมนูเด็ดคือ แกงไก่ ผัดมันฝรั่งแครอทกับถั่วลันเตา และผักขมผัด ซึ่งเป็นผักขมที่สดและใบใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นผักขมมา
แบบนี้ป้อปอายต้องชอบแน่ๆ เรากินกันเพลินชนิดลืมอ้วนกันเลย
ทีเดียว ไม่ได้การต้องออกไปเดินหน้าบ้านเพื่อออกกำลังซะนิด ไม่งั้นคืนนี้คงนอนหลับแบบจุกๆ
ทีเดียว ไม่ได้การต้องออกไปเดินหน้าบ้านเพื่อออกกำลังซะนิด ไม่งั้นคืนนี้คงนอนหลับแบบจุกๆ
ขณะเดินกลับไปกลับมาบนชานบ้าน
ฉันเจออามินยืนชมดาวอยู่เลยแวะคุยสัพเพเหระกับเขาครู่หนึ่ง
“คุณทำงานที่นี่มานานรึยัง”
“ทำมา
4 ปีแล้วครับ”
“แล้วชอบมั้ย”
“ชอบครับ
ผมค่อนข้างมีความสุขดี คุณมุสตาฟาดีกับเรามาก เขาจะไม่มาคอยจ้ำจี้จ้ำไชจับผิดเรา ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีไม่มีปัญหา
ลูกค้าไม่มีการร้องเรียนเรื่องอะไรเขาก็ปล่อยให้เราจัดการบริหารกันเอง”
“แล้วคุณมาจากไหนล่ะ”
“ผมมาจากหมู่บ้านแถวๆ
หุบเขาทางไปกุลมาร์คน่ะครับ”
“คุณอายุเท่าไหร่แล้ว”
ตัวเลขที่เขาตอบมานั้นทำเอาฉันอึ้งไปเพราะหน้าเขายังไม่น่าจะถึงวัยนั้น
“36
ปี จริงๆ เหรอ”
“จริงสิครับ”
“แล้วมีพี่น้องมั้ย”
“มีครับ
มีน้องสาว 2 คน ยังเรียนอยู่”
“คนไทยมาเที่ยวที่นี่เยอะมั้ย”
“เยอะครับ
น่าแปลกนะครับส่วนใหญ่คนไทยชอบมากันตอนหน้าหนาว”
“แล้วมันหนาวมากมั้ยล่ะ”
“ก็หนาวครับ
หิมะตก น้ำในทะเลสาปเป็นน้ำแข็งเลยครับแต่ยังพายเรือได้ ผมว่าช่วง
หน้าหนาวที่นี่สวยที่สุดในความคิดของผม”
หน้าหนาวที่นี่สวยที่สุดในความคิดของผม”
“แล้วรถสามารถวิ่งบนถนนได้เหรอ
หิมะน่าจะปกคลุมจนขาวโพลนไปหมด”
“ได้สิครับ
เพราะเขาจะกวาดหิมะออกจากทางทุกวันแต่บนภูเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสวยมาก”
“คุณว่าคนไทยเป็นไง
ใจดีมั้ย”
“ใจดีมากครับ
บางทีเขาก็ช่วยเหลือผมเหมือนกัน เขาให้ของที่เขาไม่เอากลับบ้านกับผม
ผมขอบคุณพระเจ้าที่ให้พร ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานั้นเราอยู่กันอย่างยากลำบากมากครับ
บางคนไม่มีข้าวทานเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวมาก็ไม่มีเงินไหลเวียน”
ผมขอบคุณพระเจ้าที่ให้พร ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานั้นเราอยู่กันอย่างยากลำบากมากครับ
บางคนไม่มีข้าวทานเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวมาก็ไม่มีเงินไหลเวียน”
ฉันรู้สึกเร่ิมสงสารเขามาก
เห็นใจที่ชีวิตไม่สามารถลิขิตได้ด้วยตัวเอง ต้องพึ่งพาธุรกิจ
ท่องเทีี่ยวซึ่งก็มักมีผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เลยคิดว่าคืนนี้จะเลือกของบางอย่างที่ไม่ได้จำเป็นกับชีวิตฉันมากนักแต่อาจมีประโยชน์ต่อคนอื่นอีกมาก เผื่อว่าน้องสาวเขาจะได้เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างอุปกรณ์กันหนาว หมวก ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ ถ้าอยู่กรุงเทพก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ จะได้ใช้ก็ตอนไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วปีนึงเราจะไปที่หนาวๆ กันซักกี่หน พอใช้ไปไม่นานก็เบื่อเพราะมันไม่ทันสมัยไปหาซื้อของใหม่ ของเก่าก็เก็บเข้าตู้ไป แต่คน
ที่นี่เลือกไม่ได้มีอะไรก็ต้องนำมาใช้ทำความอบอุ่นให้ร่างกายในทุกๆ วันเป็นเวลาหลายเดือน คำณวนดูแล้วยกให้เขาจะมีคุณค่ามากกว่า
ท่องเทีี่ยวซึ่งก็มักมีผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เลยคิดว่าคืนนี้จะเลือกของบางอย่างที่ไม่ได้จำเป็นกับชีวิตฉันมากนักแต่อาจมีประโยชน์ต่อคนอื่นอีกมาก เผื่อว่าน้องสาวเขาจะได้เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างอุปกรณ์กันหนาว หมวก ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ ถ้าอยู่กรุงเทพก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ จะได้ใช้ก็ตอนไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วปีนึงเราจะไปที่หนาวๆ กันซักกี่หน พอใช้ไปไม่นานก็เบื่อเพราะมันไม่ทันสมัยไปหาซื้อของใหม่ ของเก่าก็เก็บเข้าตู้ไป แต่คน
ที่นี่เลือกไม่ได้มีอะไรก็ต้องนำมาใช้ทำความอบอุ่นให้ร่างกายในทุกๆ วันเป็นเวลาหลายเดือน คำณวนดูแล้วยกให้เขาจะมีคุณค่ามากกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น