ก็ต้องมาตามสัญญา จริงๆ แล้วฉันไม่คิดจะซื้ออะไรแล้วเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินอยู่แค่ 900 รูปีเท่านั้น แต่ไม่อยากให้เสียน้ำใจเผื่อมีของราคาไม่แพงจะได้ช่วยอุดหนุน
หนุ่มคนนี้เป็นพ่อค้าที่แปลกกว่าทุกคน
แม้ว่าเขาจะอายุเพียงแค่ 24 ปี แต่เขาเป็นคนมีความคิดและพูดจาดี แม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียนหนังสือก็ตาม
เขาเป็นลูกชายคนโตของบ้านจึงต้องช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ลักษณะดูไม่เหมือนคนขายของเลย
เขามีวิธีการนำเสนอขายสินค้าที่ไม่เหมือนใคร ค่อยๆ อธิบายสรรพคุณของกระเป๋าหนังแกะทีละใบ
พอเราแสดงท่าทีไม่สนใจเขาก็รีบพูดว่า
“คุณไม่ซื้อไม่เป็นไรนะ
แต่มันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องนำเสนอสินค้าให้กับคุณ”
“แต่ผมไม่มีเงินเหลือแล้ว
กระเป๋าตังค์หาย” นฐบอกเขา
“ไม่เป็นไร
คุณเอาของไปก่อนแล้วค่อยส่งเงินมาให้ก็ได้” น้ำเสียงเขาดูจริงจัง
คนขายของหลายคนพูดประโยคนี้กับเรา
อาจเป็นเพราะเขารู้จักกับเจ้าของเรือหรือว่าเพราะเขาเชื่อใจเรา น่าแปลกที่ทุกอย่างที่นี่ขึ้นอยู่กับการค้าขายแต่เงินกลับไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
การขายของให้ได้ต่างหากที่สำคัญ
เราเลือกดูของเขาอย่างสนุกสนานเพราะได้พูดคุยกับคนประเภทเจ้าความคิด
ฉันเลือกกระเป๋าใส่เหรียญมา 4 ใบ แต่มีเงินไม่พอ เพราะตกราคาใบละ 250 รูปี ฉันบอกเขาไปตรงๆ
ว่าเหลือเงินแค่นี้จริงๆ เขาก็เลยตัดใจขายให้กับฉัน แล้วแถมเขายังให้กระเป๋าแบบเดียวกันกับนฐ
1 ใบ ซึ่งทำเอานฐงงมากๆ เพราะจากการที่ถูกต่อรองให้ซื้อของตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่จนต้องใช้มุกต่างๆ หลีกเลี่ยงการซื้อเช่น
“ผมไม่มีตังค์ กระเป๋าตังค์หาย” “ผมแพ้ขนสัตว์ (พร้อมทำท่าไอรุนแรง)” “ผมแพ้เกสรดอกไม้
ได้กล่ินแล้วไม่สบาย” กลับกลายเป็นว่าคราวนี้เขาได้ของมาฟรีๆ โดยไม่ต้องเหนื่อยอารม์ณ์หรือเปลืองนำ้ลายเลย
หนุ่มน้อยบอกกับเขาว่า
“ถือว่าเป็นน้ำใจจากผมแล้วกัน” นฐก็เลยแลกเปลี่ยนด้วยการให้ขนมและลูกอมหลากหลายกับเขา ซึ่งดูเขาพึงพอใจใช่น้อย
“ผมถามหน่อยสิว่าคุณไปเรียนที่ไหนมาเหรอ”
นฐถามด้วยความสงสัยเพราะวิธีการพูดจาและเทคนิคการขายของเขานั้นไม่เหมือนคนขายคนไหนที่เราเคยเจอมาก่อน
“ผมไม่ได้เรียนหรอกครับ
ผมเป็นลูกชายคนโตต้องช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน” เขาตอบอย่างฉะฉาน ไม่มีท่าทีหรือแววตาที่เศร้าแม้แต่น้อย
“แต่คุณดูเหมือนคนเรียนมาเยอะๆ
เลยนะ หลอกเรารึเปล่า”
เอ
… ที่แคชเมียร์คงไม่มีรายการประเภทแคนดิดคาเมร่า (Candid Camera) แอบถ่ายหรอกน่า
“การเดินทางคือการเรียนรู้ที่ดีที่สุด เพราะเราจะได้เจอเรื่องราวและผู้คนมากมาย
ผมไม่ได้เรียนหนังสือแต่ผมเรียนจากการเดินทาง”
นั่นสินะ
เราควรที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ในทุกๆ วันของการเดินทางของชีวิตแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยหรือฟังดูไร้สาระ
ขนาดหนูยังช่วยชีวิตราชสีห์ได้เลย แม้เราจะตัวเล็กไม่มีบทบาทสำคัญอะไรในสังคมแต่ถ้าเรารู้จักหน้าที่ของเราและทำมันให้ดีที่สุด
เราก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างสังคมที่ดีได้
ความรู้นั้นไม่ได้อยู่แต่ในห้องเรียนเพียงที่เดียวหากแต่อยู่ในทุกๆ
ที่ที่เราไป อยู่ในคนหรือส่ิงที่เราเจอในทุกๆ วัน เราจะเรียนรู้ได้มากน้อยขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่ที่ตัวเราล้วนๆ
ว่าจะมีใจเปิดกว้างแค่ไหน เพราะถ้าใจไม่เปิดสมองก็จะปิดตายไปโดยอัตโนมัติ คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นเพราะเรียนมามากนั่นคือคนที่โง่ที่สุด
ไม่มีใครที่จะรู้ได้ทุกเรื่อง ทุกๆ วันมีส่ิงเกิดขึ้นใหม่มากมายที่ท้าทายความสามารถของมนุษย์
แต่ฉันว่าความรู้อะไรก็สู้รู้จักตัวเองไม่ได้
รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร มีสติกับการกระทำนั้นๆ รู้เท่าทันความคิดและความรู้สึกของตัวเอง
เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ปล่อยให้จิตใจล่องลอยและถูกกระทบได้โดยง่ายจากสิ่งรอบตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น